กำลังโหลด......

เป๊ป (PEP) ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน

เพิ่มบทความเมื่อ 06 ธันวาคม 2023

เป๊ป (PEP) ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน

ยาป้องกัน HIV หลังสัมผัสเชื้อหรือเป๊ป (PEP) เป็นยาต้านไวรัส (ART) ชนิดหนึ่งที่ใช้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีความเสี่ยง PEP สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความที่ครอบคลุมนี้ เราจะเจาะลึกเข้าไปในโลกของยาเป๊ป โดยสำรวจว่าเป๊ปคืออะไร มีการทำงานอย่างไร เมื่อไหร่จึงควรทาน และข้อควรพิจารณาสำหรับผู้ที่กำลังจะใช้เป๊ป เพื่อให้คุณมีความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค

เป๊ป (PEP) คืออะไร

ยาเป๊ป PEP ย่อมาจาก Post-Exposure Prophylaxis ซึ่งหมายถึง การใช้ยา เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังจากการสัมผัสกับเชื้อโรค PEP มักใช้ในกรณีฉุกเฉิน เมื่อมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ HIV เช่น หลังจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งตัวยาจะเข้าไปขัดขวางการแบ่งตัวของไวรัสในร่างกาย จึงสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีได้มากถึง 90% หากเริ่มต้นภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากการสัมผัสเชื้อ

 

 

สถานการณ์ใดที่เหมาะจะใช้เป๊ป (PEP)

  • ถุงยางอนามัยแตก หลุด รั่ว ฉีกขาด ขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์
  • มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่สวมถุงยางอนามัย กับคนที่คาดว่ามีเชื้อเอชไอวี
  • คนที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น ในกรณีเสพสารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
  • คนที่ถูกข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์ด้วยความมึนเมา ขาดสติ
  • บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อจากสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี

 

ข้อควรพิจารณาสำหรับการใช้เป๊ป (PEP)

ถึงแม้ว่า PEP จะสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้มากถึง 90% แต่สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า PEP ไม่ใช่ทางเลือกแรกในการป้องกันที่สมบูรณ์แบบสำหรับไวรัสเอชไอวี ทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์ยังคงต้องใช้ถุงยางอนามัยและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยการจะเริ่มทายาเป๊ปได้นั้น จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ติดต่อแพทย์หรือสถานพยาบาล

หากคุณคิดว่าอาจสัมผัสกับเชื้อเอชไอวี ให้ติดต่อแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว ไม่ควรหลงเชื่อว่ามียาประเภทนี้จำหน่ายทางออนไลน์หรือแม้แต่ตามร้านขายยาทั่วไป แพทย์จะสามารถประเมินความเสี่ยงของคุณ จากการซักประวัติ และกำหนดว่า PEP เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่ หากแพทย์ของคุณแนะนำให้คุณใช้ PEP พวกเขาจะสั่งยาให้คุณและอธิบายวิธีรับประทานยาอย่างถูกต้อง โดยทั่วไปแล้ว ยา PEP ประกอบด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี 2-3 ชนิด ยาต้านไวรัสเหล่านี้ ทำงานร่วมกันเพื่อยับยั้งการจำลองแบบของไวรัสเอชไอวี

 

 

2. เริ่มกินยาให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง

คุณควรเริ่มรับประทานยา PEP ภายใน 72 ชั่วโมง (หรือไม่เกิน 3 วัน) ของเหตุการณ์เสี่ยง หากรับประทานภายใน เวลาดังกล่าว ยา PEP จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีได้เต็มประสิทธิภาพ ยา PEP มักรับประทานวันละ 1-2 ครั้งเป็นเวลา 28 วัน หรือตามที่แพทย์กำหนด คุณควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับตัวยาในปริมาณที่เหมาะสม หากคุณลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่จำได้ หากลืมรับประทานยาเป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง ให้ติดต่อแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

3. ตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีเสมอ

คุณควรได้รับการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีก่อนและหลังจากการใช้ยา PEP หลังทานยาครบ 28 วัน หากผลการตรวจเลือดเป็นลบ แสดงว่าคุณไม่ติดเชื้อเอชไอวี อย่างไรก็ตาม คุณควรได้รับการตรวจเลือดเป็นประจำเพื่อติดตามสถานะการติดเชื้อของคุณ

ยาเป๊ปแบ่งออกเป็นกี่ชนิด?

PEP มี 2 สูตรหลักๆ ได้แก่
 

สูตรที่ชนิดยาระยะเวลาในการทาน
1เทโนโฟเวียร์ (tenofovir) 300 มิลลิกรัม / เอ็มโทรนิดาโซล (emtricitabine) 200 มิลลิกรัม / ลามิดูดีน (lamivudine) 150 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 28 วัน
2ริโทนาเวียร์ (ritonavir) 200 มิลลิกรัม / เทโนโฟเวียร์ (tenofovir) 300 มิลลิกรัม / เอ็มโทรนิดาโซล (emtricitabine) 200 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 28 วัน

 

สูตร 1 เป็นสูตรมาตรฐานที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถใช้ได้กับบุคคลทุกประเภท สูตร 2 เป็นสูตรเสริมที่มีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน แต่มีข้อจำกัดบางประการ เช่น ต้องรับประทานยาริโทนาเวียร์ร่วมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้

 

วิธีดูแลตัวเองขณะที่ใช้ยาเป๊ปอยู่

ระหว่างกินยา PEP สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเบื้องต้น:

  • รับประทานยา PEP ตามเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ: สิ่งสำคัญคือต้องรับประทานยา PEP ในเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับยาในปริมาณที่เหมาะสม หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่จำได้ หากลืมรับประทานยาเป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง ให้กลับไปปรึกษาแพทย์ทันที
  • รับประทานยา PEP ทุกวันเป็นเวลา 28 วัน: ยา PEP มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อรับประทานครบ 28 วัน หากคุณหยุดรับประทานยาก่อนกำหนด ความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีจะเพิ่มขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน: แม้ว่ายา PEP จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศอื่นๆ ได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันในระหว่างรับประทานยา PEP
  • แจ้งให้คู่นอนของคุณทราบว่าคุณกำลังกินยา PEP: คู่นอนของคุณควรได้รับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี หากพวกเขามีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับเชื้อไวรัสเอชไอวีจากคุณ

 

 

ผลข้างเคียงของยาเป๊ป (PEP)

PEP ถึงแม้จะมีความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ อาการข้างเคียงของยา PEP มักไม่รุนแรง และสามารถจัดการได้ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่:

  • อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว
  • ปวดหัว ท้องเสีย อ่อนเพลีย
  • ปวดกล้ามเนื้อ ปากแห้ง เบื่ออาหาร

ผลข้างเคียงเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายในไม่กี่วันแรกของการรับประทานยา PEP และมักจะหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์ หากคุณพบผลข้างเคียงที่รบกวนหรือกังวล ให้ติดต่อแพทย์ทันที สิ่งสำคัญคือต้องรับประทานยา PEP ต่อไปแม้ในขณะที่คุณมีอาการข้างเคียง เพราะอาการมักจะหายไปเอง และไม่ได้หมายความว่ายา PEP ไม่ได้ทำงานหากผลข้างเคียงของคุณรุนแรง หรือไม่สามารถจัดการได้ แพทย์ของคุณอาจเปลี่ยนแผนการรักษาของคุณ

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการในการลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงของยา PEP:

  • รับประทานยา PEP ตามคำแนะนำของแพทย์
  • รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และคาเฟอีน

สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ PEP ไม่สามารถทดแทนวิธีการป้องกันปกติด้วยถุงยางอนามัย หรือการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อหรือยาเพร็พ (PrEP) ควรพิจารณาใช้ PEP เฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น หากพบว่าตนเองมีการใช้ยาชนิดนี้บ่อยครั้ง อาจบ่งบอกถึงรูปแบบพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ ในกรณีเช่นนี้แพทย์อาจให้การสนับสนุน การให้คำปรึกษาให้คุณเริ่มทานยาเพร็พ (PrEP) เพื่อส่งเสริมแนวทางที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณมากยิ่งขึ้น